โรควุ้นในลูกตาเสื่อมที่ควรตรวจรักษาโดยโรงพยาบาลรักษาตาโดยเร็ว

ในอดีตเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้สำหรับการทำงาน การประมวลผล หรือใช้เพื่อความบันเทิงต่าง ๆ นั้น มีราคาค่อนข้างสูง จึงมีคนจำนวนน้อยในการเข้าถึงได้ แต่ในปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น การผลิตมีราคาที่ถูกลง ทำให้สามารถผลิตคอมพิวเตอร์ได้เล็กลงจนเป็นเพียงโน้ตบุ๊ค และเล็กลงอีกจนเป็น Smart Phone ที่ติดตัวเราไปได้ตลอดเวลา

ลักษณะการใช้งานอุปกรณ์พกพาเหล่านี้ คือ การอ่านหรือจ้องมองข้อมูลที่หน้าจอ โดยมีแสงส่องสว่างออกมาจากด้านหลังจอ และมีข้อมูลตัวหนังสือหรือรูปภาพอยู่ด้านหน้า รวมถึงการที่เราต้องเพ่งมองในการกดคีย์บอร์ดเสมือน เพื่อพิมพ์ตัวหนังสือตอบสนองกลับเข้าไป การใช้งานอุปกรณ์พกพาในลักษณะแบบนี้ ทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพดวงตาแน่นอน โดยเฉพาะการอ่านหนังสือในรูปแบบของดิจิตอลที่เป็นข้อความยาว ๆ หรืออ่านต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของดวงตาชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า "โรควุ้นในลูกตาเสื่อม"

ก่อนหน้านี้ โรควุ้นในลูกตาเสื่อม มักพบในคนสูงอายุหรือคนที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้สายตาเพ่งดูอะไรมาก ๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย เป็นต้น แต่ในปัจจุบันโรคนี้พบได้ในกลุ่มคนทั่ว ๆ ไปที่เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านทางคอมพิวเตอร์ Tablet และโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือ อ่านข้อความจาก Social Network หรือเล่นเกมใด ๆ ที่อยู่บนจอภาพก็ตาม ตัวหนังสือบนจอนั้นจะมีลักษณะเป็นจุด ๆ ประกอบกัน เป็นจุดที่ลอยอยู่บนหน้าจอ ขอบของตัวหนังสือจะไม่คมชัด การอ่านหรือดูภาพบนหน้าจอนั้น ตาและสมองจะต้องพยายามปรับโฟกัสของภาพให้คมชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เพราะจอภาพแต่ละอุปกรณ์ จะมีความหนาของจอที่เรามองผ่านเข้าไปไม่เท่ากัน ทำให้ดวงตาต้องคอยปรับระยะโฟกัสให้คมชัดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างกับการอ่านตัวหนังสือที่อยู่บนหนังสือปกติ ที่ระยะห่างระหว่างดวงตากับวัตถุมีความคงที่และมีความคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อตาและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างปกติคงที่ ไม่ต้องทำงานหนักและสับสน

นอกจากนี้ การเลื่อนอ่านข้อความหรือรูปภาพผ่านทางโทรศัพท์มือถือนั้น มักจะต้องกวาดสายตามองตามตัวหนังสือหรือภาพแบบกระตุก การลากลูกตาเลื่อนไปตามบรรทัดที่กระตุก ๆ นั้นไปตลอด อาจทำให้ปวดตามาก เพราะกล้ามเนื้อตาทำงานอย่างหนัก

รวมทั้งคนที่ต้องทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ คนที่ต้องทำงานกับจอภาพ แต่ไม่สามารถพิมพ์สัมผัสได้นั้น ดวงตาต้องโฟกัสไปที่จอภาพและปรับมาโฟกัสที่แป้นพิมพ์ใหม่ สลับไปสลับมาแบบนี้บ่อย ๆ ทำให้ลูกตาต้องปรับโฟกัสตามตลอด เห็นได้จากตัวอย่างของนักศึกษาที่ต้องพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ปริมาณมาก ๆ เป็นวัน ๆ จะมีอาการปวดตามาก ๆ โดยเฉพาะถ้าพิมพ์ด้วยโปรแกรม word ด้วยแล้ว เพราะตัวอักษรเป็นสีดำ บนพื้นสีขาว ยิ่งทำให้ตาต้องสู้แสงมากขึ้นไปอีก หรือบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการตาแพ้แสงได้ด้วย

จากการใช้งานดวงตาในลักษณะข้างต้นมาก ๆ จึงทำให้เกิดโรควุ้นในลูกตาเสื่อม จะเห็นเหมือนมีคราบดำ ๆ คล้ายหยากไย่ลอยไปลอยมา จะเห็นรอยนี้ชัดมากขึ้น เมื่อมองไปยังพื้นที่ที่มีสีสว่าง เช่น ผนังห้องสีขาว การเห็นเป็นใยแมงมุมนี้เป็นผลมาจากการเสื่อมสลายของวุ้นในลูกตาจนเกิดเป็นตะกอนข้างใน ซึ่งยังไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าทิ้งไว้ตะกอนจะค่อย ๆ ลอยจากตรงกลางลานสายตาไปอยู่บริเวณขอบ ๆ มากขึ้น จนเราไม่สังเกตเห็น การไปอยู่ที่ขอบนี้จะมีโอกาสที่ตะกอนจะเกาะติดกับจอประสาทตาหรือส่วนรับภาพ และทำให้จอประสาทตาลอก หรือวุ้นลูกตาด้านหลังลอก ทำให้มีอาการเห็นแสงแปลบปลาบในที่มืด โดยเฉพาะเวลากลอกตา ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา อาจทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น คนที่เริ่มสังเกตเห็นว่ามีอาการแบบนี้ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ในโรงพยาบาลรักษาตา เพื่อตรวจดูว่าเริ่มมีวุ้นในตาเสื่อมหรือจอประสาทตาลอกหรือไม่ ถ้าตรวจพบว่า เป็นแค่วุ้นในตาเสื่อมก็ยังพอสบายใจได้ แต่ควรระวังการใช้สายตา ไม่ดูจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป และควรตรวจดวงตาเป็นประจำ

วิธีป้องกันปัญหาจากการใช้ดวงตาดูจอภาพเหล่านี้

นั่งในท่าที่เหมาะสม ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20-30 นิ้ว โดยให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20-25 องศา
ปรับแสงสว่างภายนอกและแสงสะท้อนจากจอให้ลดลงในระดับที่เราดูแล้วรู้สึกสบายตา
ปรับตัวหนังสือและภาพในจอภาพให้คมชัดเสมอ เพื่อการโฟกัสที่ชัดเจน
จัดเอกสารที่ต้องใช้ดูประกอบไว้ใกล้กับจอคอมพิวเตอร์ จะได้ไม่ต้องปรับระยะโฟกัสของดวงตาบ่อย ๆ
พักสายตาและเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 นาที เพื่อป้องกันอาการเมื่อยล้าของดวงตา

อย่าลืมว่า หากพบว่ามีภาพคล้ายหยากไย่ลอยไปลอยมาในดวงตา ควรรีบไปตรวจที่โรงพยาบาลรักษาตาทันที เพื่อตรวจรักษาตาว่ามีความผิดปกติหรือไม่